กระทู้สนทนา
คำถามที่ค้างคาใจที่มีต่อ"รถไฟความเร็วสูง"
1.ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องมีรถไฟความเร็วสูงจริงหรือ?
-ทำไมไม่พัฒนารถไฟรางคู่ให้แล้วเสร็จเสียก่อนหรือทำอะไรที่มันพอดีกับฐาน่ะการเงินของประเทศ
หรืออาจจะให้เอกชนมาร่วมลงทุนในส่วนนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วตรงต่อเวลาและพัฒนาด้านการบริการ
2.อัตราค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงที่แท้จริง
-ฟังการอภิปรายเมื่อวานค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงต้นทุนที่แท้จริงในตปท.เฉลี่ยกม.ล่ะ3.5บาท
-ในประเทศไทยจะเก็บเฉลี่ยประมาณกม.ล่ะ3บาท
ช่วงแรกๆอาจจะมีอัตราค่าโดยสารที่ถูกแต่เมื่อจำเป็นต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ประชาชนจะรับอัตราค่าโดยสารในส่วนนี้ได้ไหม?

3.ใครคือกลุ่มคนเป้าหมายหลักในการโดยสารรถไฟความเร็วสูง? ใครคือผู้โดยสารประจำวัน?
-เกษตรกร กลุ่มคนส่วนมากของประเทศ ผู้มีรายได้ต่ำ ซึ่งหลายๆคนเลือกที่จะนั่งรถไฟฟรี(หรือรถไฟปกติเพราะมีราคาถูก) นานๆอาจจะโดยสารรถไฟความเร็วสูงครั้งหนึ่ง
-กลุ่มคนผู้มีฐานะปานกลางหรือพนักงานบริษัท (ที่พอจะมีรายได้จ่ายค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูง)คำถามคือจะมีซักกี่คนลงทุนนั่งรถไฟความเร็วสูงเพื่อไปทำงานแบบไปเช้า-เย็นกลับทุกวัน. อย่างที่ใครหลายๆคนได้วาดฝันไว้กับค่าเฉลี่ยอัตราค่าโดยสาร3.5บาท/กม. ฉนั้นคนกลุ่มนี้จึงน่าจะเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวหรือทำธุระนานๆครั้ง/เดือนล่ะครั้ง และส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว
-คนรวยหรือนักธุระกิจ ที่ปกติโดยสารเครื่องบินเพราะ. เร็วกว่า ครอบคลุมกว่า ซึ่งเวลาในการเดินทางสำคัญที่สุด จะหันมาใช้รถไฟความเร็วสูงจริงหรือ...
-นักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งปกติเดินทางโดยสารเครื่องบิน สะดวกกว่า ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านก็ขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงราคาถูก ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา พม่า (ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อประชากรคงไม่นั่งรถไฟความเร็วสูงมาเที่ยวประเทศไทย) ที่เหลือก็มีแค่จีนแผ่นดินใหญซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่มาก การเดินทางแต่ล่ะครั้งก็ต้องมีเชื่อมต่อเส้นทางเมืองต่อเมือง(ภายในประเทศตนเอง)จะมีซักกี่คนยอมนั่งรถไฟความเร็วสูงในประเทศตนเองหลายทอดต่อเพื่อมาเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงเพื่อมาเที่ยวเมืองไทย สู้บินตรงมาเที่ยวเมืองไทยไม่ดีกว่าหรือเร็วกว่าแถมถูกกว่าไม่ต้องเชื่อมต่อหลายเส้นทาง
สรุปคนกลุ่มใดที่จำเป็นต้องโดยสารรถไฟความเร็วสูงทุกวัน?ใครคือลูกค้าประจำ?

4.มีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่จะไม่เสี่ยงต่อการขาดทุนในระยะยาว รายได้?
-รายได้จากการบรรทุกผู้โดยสาร ยังไม่มีความแน่ชัดถึงกลุ่มลูกค้าประจำที่มีความจำเป็นในการนั่งรถไฟความเร็วสูงในชีวิตประจำวัน
-การขนส่งสินค้า (ในสภาก็มีการอภิปรายแล้วว่าจะใช้ขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง ซึ่งไม่ใช่การขนผลผลิตเกษตรกรที่มีใครหลายๆคนกำลังพูดถึงแน่ๆ)
-ดอกเบี้ยระยะยาวที่ต้องกู้เงินมาลงทุนเงินกู้2.2ล้านล้านบาท รวมดอกเบี้ย50ปี รวมเป็นเงิน5ล้านล้านบาท(และมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไม่คงที่)
งบประมาณกว่าครึ่งนำมาใช้ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ส่วนที่เหลือก็นำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟรางคู่ และอื่นๆ
คำถามต่อมาคือถ้ารถไฟความความเร็วสูงประสบณ์ปัญหาการขาดทุน(ยกตัวอย่างแอร์พอตลิ้ง)จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?ใครจะออกมารับผิดชอบในส่วนนี้?

5.ปัญหาการครอรัปชั่นกับความปลอดภัยที่มีต่อรถไฟความเร็วสูง
http://www.thairath.co.th/content/oversea/331593
ข้อนี้ผมให้ความสำคัญที่สุด ยกตัวอย่างประเทศคอมมิวนิสอย่างจีนที่มีกฎหมายเข้มงวด
ยังมีการทุจจริตครอรัปชั่นถึงขนาดรมว.กระทรวงรถไฟ ถูกปลดเมื่อปี 2554 แล้วประเทศไทยล่ะ?
บอกตามตรงผมไม่ห่วงเรื่องครอรัปชั่น(เพราะยังไงก็ต้องมีอยู่แล้ว) แต่ห่วงความปลอดภัยของประชาชนและชีวิตผู้โดยสารมากกว่า

6.ปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
การสร้างรถไฟความเร็วสูงต้องใช้พื้นที่ในการก่อสร้างและตัดผ่านเป็นเส้นทางตรงเพื่อทำความเร็ว และมีรัศมีโค้งไม่ต่ำกว่า3กม.
ไม่ทราบว่าได้ศึกษาผลกระทบต่อประชาชนในส่วนนี้มากน้อยแค่ไหน....การเวณคืนที่ดิน

7.ความต้องการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมต่อกลุ่มประเทศอาเซื่ยน เพื่อรองรับAEC
- มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เมื่อวานรมต.คมนาคมก็ออกมาพูดได้ยินจากปากท่านแล้วว่า จีนจะไม่ร่วมลงทุนในการเชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางในประเทศลาว 500กม.
ส่วนมาเลย์ สิงคโปร์ ยังไม่มีความแน่ชัดที่จะเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูง และเส้นทางที่จะดำเนินงานขั้นแรกมีเพียงกทม.-เชียงใหม่(ซึ่งไม่สามารถเชื่อมต่อภูมิภาคได้) เส้นทางกทม.-นครราชสีมา(ยังไปไม่ถึงหนองคาย) เส้นทางกทม.-หัวหิน(ยังไม่เชื่อมต่อไปถึงปาดังเบซาร์) เส้นทางกทม.ระยอง(ไม่เชื่อมต่อถึงจันทบุรี) สรุปคือใช้ภายในประเทศ!!ยังไม่เชื่ิอมต่อภูมิภาค และอาจจะมีกู้เงินเพิ่มเติมอีกในอนาคต

8.ทำไมต้องเป็นรถไฟความเร็วสูง
-ทำไมไม่เลือกสร้างรถไฟที่มันมีความเร็วพอดี ต้นทุนปานกลาง อัตราค่าโดยสารที่ประชาชนทุกคนจับต้องได้ เช่นรถไฟที่ใช้ความเร็วประมาณ150-180กม./ชม. ซึ่งในหลายประเทศก็เลือกใช้กัน จอดได้ทุกจังหวัดเพื่อประชาชนทุกจังหวัดที่เป็นทางผ่านจะได้มีโอกาสได้ใช้(ยกตัวอย่างรถไฟcity line) ไม่ใช่จากรถไฟความเร็วสูงที่ต้องเช่ือมต่อสถานีใหญ่ๆระยะห่างมากๆเท่านั้นเพื่อทำความเร็ว แบบนี้ถ้าสร้างมาต้นทางไม่ค่อยมีผู้โดยสารจะไม่เจ๊งเหรือครับ(ยกตัวอย่างรถไฟแอร์พอร์ทลิ้ง)
   
ปล.กระทู้นี้เป็นคำถามและการแสดงคห.ส่วนตัวที่ค้างคาใจที่ที่มีต่อรถไฟความเร็วสูงเท่านั้นน่ะครับ จริงๆเห็นด้วยน่ะครับที่จะกู้เงินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
เช่น รถไฟรางคู่ ขยายช่องทางการจราจรและอื่นๆ แต่กับรถไฟความเร็วสูง ผมมองว่ามันก็ไม่ต่างจากการเลือกชื้อรถยนต์ในชีวิตประจำวัน ปกตินั่งรถเมล์มันช้า(รถไฟไทย)ไม่สะดวกสะบายหรือร้อนจึงคิดที่จะเลือกซื้อรถยนต์ แทนที่จะออกรถยนต์ที่หมาะสมกับรายได้และฐาน่ะของตนเองถอยรถอีโก้คาร์หรือรถซีดานราคาประหยัดและพอดี สะดวกสะบาย ประหยัดน้ำมัน ต้นทุนและค่าบำรุงรักษาต่ำ แถมแอร์เย็นคนในบ้านทุกคนนั่งได้เหมือนๆกัน แต่กลับคิดกู้เงินธนาคาร เอาบ้านไปจำนอง ผ่อนธนาคาร50ปีเพื่อถอยรถเฟอร์ลารี่หรือพอส(รถไฟความเร็วสูง) ที่มีต้นทุนสูง ซ่ะงั้น (ให้คนในบ้านช่วยค้ำประกันแถมมีที่นั่งจำกัด) สุดท้ายท้ายสุดในอนาคตเมื่อรายรับไม่พอกับรายจ่ายจะเกิดอะไรขึ้น!!ฉนั่นก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปอยากให้คิดทบทวนให้ดีถึงความจำเป็น และเหตุผลที่ต้องมีต้องใช้ด้วยน่ะครับ .......
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ 
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่